No.15 Ghoul (ผีกินศพ)
No.15 ผีกินศพ
ลักษณะทางกายภาพ : มีหลายขนาดตั้งแต่สูงเท่าคนแคระ ไปจนถึงสูง 5 m ลักษณะคล้ายผีดิบ ผิวเหมือนซากศพ
ถิ่นกำเนิด : มีในแถบเอเชีย ยุโรป แต่ไม่พบในแถบอเมริกา
ประวัติและความเป็นมา :
ผีกินศพหรือ Ghoul เป็นผีที่พบได้ทั่วไปซึ่งจะมีเรียกชื่อแตกต่างกันไป ตามภูมิภาคที่มันอยู่
ถ้าพบในแถบยุโรป ก็จะเรียกว่ากูล ถ้าพบในญี่ปุ่นก็จะเรียกว่า จิกินิกิ ถ้าพบในแถบบ้านเราก็จะเรียกว่าเปรต
ซึ่งลักษณะความสูงและขนาดอาจจะไม่ใกล้เคียงกัน แต่สิ่งที่เหมือนกันก็คือผีเหล่านี้จะชอบปรากฎตัวตอนกลางคืน และกินสิ่งปฏิกูล สิ่งสกปรก และ ซากศพ เป็นอาหาร
ซึ่งในเรื่องเปรตหรือผีกินศพนั้น ว่ากันว่าเป็นเรื่องเล่าจากผู้ใหญ่ เพื่อให้เด็กกลัวไม่กล้าจะทำความผิดเพราะจะได้ไม่ต้องรับกรรมก่อนจะไปเกิดใหม่ในสถานะเปรต โดยในเรื่องเกี่ยวกับผีกินศพนี้ ผมค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับผีชนิดนี้และได้นำมาลงไว้ ณ ที่นี้
เรื่องมีิิอยู่ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นนานมาแล้ว ในสมัยโบราณมีพระองค์หนึ่งออกธุดงค์ไปทั่ว ท่านได้ช่วยผู้คนที่อดอยากปากแห้งเพราะภัยสงครามและเ ผยแพร่ศาสนาไปทั่วแคว้น อยู่มาวันหนึ่งท่านได้ธุดงค์ผ่านเขาลูกหนึ่งซึ่งเขาล ูกนั้นเป็นเขาร้างรกที่เต็มไปด้วยต้นไม้และป่าทึบ ยามนั้นเย็นมากแล้วท้องฟ้าเริ่มสีแดงฉาน และแล้วพระองค์นั้นก็ต้องแปลกใจอย่างงุนงง เพราะว่ามีกระท่อมหลังหนึ่งจุดไฟเปิดไว้ "มันน่าแปลกทั้งๆเขาลูกนี้เป็นอย่างนี้แล้วยังจะมีคน อุตส่ามาอยู่อีกเหรอ" ท่านกำลังคิดใคร่ครวญในใจ แต่แล้วทันใดก็มีนักบวชใส่จีวรเก่าคร่ำคร่าคนหนึ่งโผ ล่หัวออกมาจากบ้าน หลวงพ่อไม่รอช้ารีบเข้าไปทำทีเป็นขออาศัยซึ่งนักบวชน ั้นก็ต้อนรับเป็นอย่างดีแต่ที่รู้ๆเขาไม่ยอมให้หลวงพ ่อค้างที่นี้คืนนี้แน่ "อาตมาเดินทางมาไกล จะขอค้างแรมที่นี่สักคืนหวังว่าท่านนักบวชคงจะเมตตาน ะ" พระกล่าว "เอ่อ ข้าว่าคงไม่ได้หรอก อย่าหาว่าข้าใจดำเลยแต่ข้ามีเหตุผลบางอย่างที่ไม่สาม ารถให้ท่านพักที่นี่ได้" นักบวชกล่าวตอบ "เอาอย่างงี้ ท่านเดินทางลงเขาไปเบื้องหน้าที่นั้นมีหมู่บ้านอยู่ ท่านจงไปอาศัยที่นั้นเถิดนะ" พระทำท่าทีงุนงงแต่ก็ขอบใจและกล่าวอำลามุ่งหน้าเดินท างลงเขาไปให้ถึงหมู่บ้านก่อนที่จะค่ำ และแล้วก็ถึงหมูบ้านอย่างที่ว่า ชาวบ้านที่นั้นต่างให้การต้อนรับเป็นอย่างดี และมอบโรงเตี้ยมเป็นที่พักอาศัยให้กับพระ ที่โรงเตี้ยมนั้นมีชายแก่คนหนึ่งดูแล เขาจัดหาที่พักห้องนอนให้กับพระและแนะนำโรงเตี้ยมให้ รู้จักทุกซอกทุกมุม แต่มีอยู่ห้องหนึง่ที่ปิดตาย และชายแก่ย้ำนักย้ำหนาว่าไม่ให้หลวงพ่อเปิดเข้าไปเป็ นอันขาด พระองค์นั้นเลยอดสงสัยไม่ได้เฝ้าหาทางดูอยู่เรื่อย แต่แล้วคืนนั้นเกิดเหตุสุดวิสัยบังเอิญมีคนตายและชาว บ้านต่างพากันอุ้มศพมาไว้ในห้องปิดตายน้น พระสงสัยเลยแอบเข้าไปดูในขณะที่ผู้คนชุลมุนกันอยู่ สิ่งที่ท่านเห็นเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ ที่ด้านบนมีหิ้งที่จัดเตรียมธูปเทียนและเครื่องเซ่นไ หว้ไว้พร้อม ท่านแปลกใจเลยถามชายแก่เจ้าของบ้านไปว่า "เพราะเหตุใดท่านจึงเอาศพผู้ไร้วิญญาณมาไว้ในห้องแบบ นี้ ทำไมไม่เอาไปสวดส่งอาตมาเองก็เป็นพระน่าจะช่วยท่านได ้"แต่แล้วชายแก่กลับตอบมาว่า "โทษทีท่าน นี่เป็นธรรมเนียมของหมูบ้านเราที่ทำกันมาช้านาน คือเมื่อมีคนตายเราจะต้องนำมาที่นี่ ถ้าท่านอยากรู้คืนนี้ท่านก็จงนอนรอดูเหตุการณ์ไปซะ" พระเลยตกลงขอนอนที่ห้องนี้ว่าเกิดอะไรขึ้น ในขณะที่ผู้คนต่างมองหน้ากันอย่างหวาดผวาและพากันออก ไปจากห้อง และแล้วคืนนั้นเอง ดึกสงัดขณะที่พระกำลังนอนหลับเฝ้าศพอยู่นั้น ทันใดก็มีลมพัดวูบมาดับเทียนหมด ท่านตกใจเลยตื่นขึ้นมาดู แต่แล้วก็เกิดเรื่องประหลาดขึ้น เมื่อประตูห้องที่ปิดสนิทดันเลื่อนเปิดเอง ครืดดดด!!! เสียงระตูถูกเลื่อนออก พร้อมร่างมหึมาใหญ่โตก็ตะครุ่มเข้ามา พระท่านต้องตกใจแทบเป็นบ้าเมื่อเห็นโครงกระดูกผีมหึม ารูปร่างแห้งเหี่ยวน่าเกลียดสูงเท่าเพดานห้อง เอื้อมมือยาวไปหยิบของเส้นไหว้บนหิ้งกินจนหมด แล้วเหลือบมาคว้าศพคนตายขึ้นไปกินอย่างหิวโหย เสียงมันนั้นร้องอย่างทรมานเหมือนไม่ได้กินอะไรมาเป็ นร้อยๆปี มันกินศพจนไม่เหลือแม้แต่กระดูกหรือเส้นผมแล้วก็ทะยา นวับหายไปพร้อมเสียงร้อง วี๊ดดดดด ... พระเองนั่งนิ่งไม่ขยับไปจากตรงนั้นจนถึงเช้า รุ่งเช้าท่านไม่พูดอะไรรีบเก็บข้าวของออกจากหมู่บ้าน ท่าเดียว... ขณะที่ท่านกำลังเดินทางออกไปก็เหลือบไปเห็นนักบวชคนเ มื่อเย็นวานที่เจอ เขาเดินตรงเข้ามาหาและพูดกับพระว่า "ท่านเองคงเห็นแล้วสินะ ร่างจริงของข้าน่ะ" พระทำท่าทีแปลกใจ "ก็เปรตตัวเมื่อคืนนี้ไง ข้านะตอนที่มีชีวิตอยู่หาศาสนาตนเองก็ไม่ได้ต้องเที่ ยวเป็นนักบวช แต่แล้วอดอยากไม่มีข้าวกินเข้าไปขโมยของพระกินในวัด มีผู้คนส่งของมาถวายพระข้าก็แอบกินจนเรียบ ก็อย่างที่เห็นแหละตายมาต้องมาเป็นปิศาจคอยกินศพชาวบ ้านในหมู่บ้าน เร่ร่อนไปไม่ได้ผุดเกิด ท่านเองก็ด้วย จงมั่นอยู่ในศีลธรรมอันดีอย่าได้นอกลู่นอกทางเด็ดขาด เดี๋ยวจะเป็นเหมือนข้า" ว่าแล้วนักบวชนั้นก้หายวับไป ตั้งแต่นั้นมาพระองค์นั้นก็หมั่นอุทิศส่วนกุศลไปให้เ ปรตตนเพื่อบรรเทาความทุกทรมานของเขาลงบ้าง และให้เขาไปผุดเกิด...
ยาวไปหน่อยนะครับ แต่่โดยสรุปก็คือผีกินศพหรือผีเปรตเนี่ย เป็นปิศาจที่เกิดจากคนที่ตายไปแล้ว แต่ต้องมาชดใช้กรรม โดยต้องอยู่ในสถานะนี้จนกว่าจะชดใช้กรรมหมด พวกเราท่านๆ ได้ยินดังนี้ ก็หมันทำความดีมากๆนะครับ (อยากรู้เหมือนกันว่าพวกโกงบ้านเมืองนี่จะเปงผีกินศพบ้างรึเปล่าเนี่ย อยากรู้เจงๆ)
ลักษณะทางกายภาพ : มีหลายขนาดตั้งแต่สูงเท่าคนแคระ ไปจนถึงสูง 5 m ลักษณะคล้ายผีดิบ ผิวเหมือนซากศพ
ถิ่นกำเนิด : มีในแถบเอเชีย ยุโรป แต่ไม่พบในแถบอเมริกา
ประวัติและความเป็นมา :
ผีกินศพหรือ Ghoul เป็นผีที่พบได้ทั่วไปซึ่งจะมีเรียกชื่อแตกต่างกันไป ตามภูมิภาคที่มันอยู่
ถ้าพบในแถบยุโรป ก็จะเรียกว่ากูล ถ้าพบในญี่ปุ่นก็จะเรียกว่า จิกินิกิ ถ้าพบในแถบบ้านเราก็จะเรียกว่าเปรต
ซึ่งลักษณะความสูงและขนาดอาจจะไม่ใกล้เคียงกัน แต่สิ่งที่เหมือนกันก็คือผีเหล่านี้จะชอบปรากฎตัวตอนกลางคืน และกินสิ่งปฏิกูล สิ่งสกปรก และ ซากศพ เป็นอาหาร
ซึ่งในเรื่องเปรตหรือผีกินศพนั้น ว่ากันว่าเป็นเรื่องเล่าจากผู้ใหญ่ เพื่อให้เด็กกลัวไม่กล้าจะทำความผิดเพราะจะได้ไม่ต้องรับกรรมก่อนจะไปเกิดใหม่ในสถานะเปรต โดยในเรื่องเกี่ยวกับผีกินศพนี้ ผมค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับผีชนิดนี้และได้นำมาลงไว้ ณ ที่นี้
เรื่องมีิิอยู่ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นนานมาแล้ว ในสมัยโบราณมีพระองค์หนึ่งออกธุดงค์ไปทั่ว ท่านได้ช่วยผู้คนที่อดอยากปากแห้งเพราะภัยสงครามและเ ผยแพร่ศาสนาไปทั่วแคว้น อยู่มาวันหนึ่งท่านได้ธุดงค์ผ่านเขาลูกหนึ่งซึ่งเขาล ูกนั้นเป็นเขาร้างรกที่เต็มไปด้วยต้นไม้และป่าทึบ ยามนั้นเย็นมากแล้วท้องฟ้าเริ่มสีแดงฉาน และแล้วพระองค์นั้นก็ต้องแปลกใจอย่างงุนงง เพราะว่ามีกระท่อมหลังหนึ่งจุดไฟเปิดไว้ "มันน่าแปลกทั้งๆเขาลูกนี้เป็นอย่างนี้แล้วยังจะมีคน อุตส่ามาอยู่อีกเหรอ" ท่านกำลังคิดใคร่ครวญในใจ แต่แล้วทันใดก็มีนักบวชใส่จีวรเก่าคร่ำคร่าคนหนึ่งโผ ล่หัวออกมาจากบ้าน หลวงพ่อไม่รอช้ารีบเข้าไปทำทีเป็นขออาศัยซึ่งนักบวชน ั้นก็ต้อนรับเป็นอย่างดีแต่ที่รู้ๆเขาไม่ยอมให้หลวงพ ่อค้างที่นี้คืนนี้แน่ "อาตมาเดินทางมาไกล จะขอค้างแรมที่นี่สักคืนหวังว่าท่านนักบวชคงจะเมตตาน ะ" พระกล่าว "เอ่อ ข้าว่าคงไม่ได้หรอก อย่าหาว่าข้าใจดำเลยแต่ข้ามีเหตุผลบางอย่างที่ไม่สาม ารถให้ท่านพักที่นี่ได้" นักบวชกล่าวตอบ "เอาอย่างงี้ ท่านเดินทางลงเขาไปเบื้องหน้าที่นั้นมีหมู่บ้านอยู่ ท่านจงไปอาศัยที่นั้นเถิดนะ" พระทำท่าทีงุนงงแต่ก็ขอบใจและกล่าวอำลามุ่งหน้าเดินท างลงเขาไปให้ถึงหมู่บ้านก่อนที่จะค่ำ และแล้วก็ถึงหมูบ้านอย่างที่ว่า ชาวบ้านที่นั้นต่างให้การต้อนรับเป็นอย่างดี และมอบโรงเตี้ยมเป็นที่พักอาศัยให้กับพระ ที่โรงเตี้ยมนั้นมีชายแก่คนหนึ่งดูแล เขาจัดหาที่พักห้องนอนให้กับพระและแนะนำโรงเตี้ยมให้ รู้จักทุกซอกทุกมุม แต่มีอยู่ห้องหนึง่ที่ปิดตาย และชายแก่ย้ำนักย้ำหนาว่าไม่ให้หลวงพ่อเปิดเข้าไปเป็ นอันขาด พระองค์นั้นเลยอดสงสัยไม่ได้เฝ้าหาทางดูอยู่เรื่อย แต่แล้วคืนนั้นเกิดเหตุสุดวิสัยบังเอิญมีคนตายและชาว บ้านต่างพากันอุ้มศพมาไว้ในห้องปิดตายน้น พระสงสัยเลยแอบเข้าไปดูในขณะที่ผู้คนชุลมุนกันอยู่ สิ่งที่ท่านเห็นเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ ที่ด้านบนมีหิ้งที่จัดเตรียมธูปเทียนและเครื่องเซ่นไ หว้ไว้พร้อม ท่านแปลกใจเลยถามชายแก่เจ้าของบ้านไปว่า "เพราะเหตุใดท่านจึงเอาศพผู้ไร้วิญญาณมาไว้ในห้องแบบ นี้ ทำไมไม่เอาไปสวดส่งอาตมาเองก็เป็นพระน่าจะช่วยท่านได ้"แต่แล้วชายแก่กลับตอบมาว่า "โทษทีท่าน นี่เป็นธรรมเนียมของหมูบ้านเราที่ทำกันมาช้านาน คือเมื่อมีคนตายเราจะต้องนำมาที่นี่ ถ้าท่านอยากรู้คืนนี้ท่านก็จงนอนรอดูเหตุการณ์ไปซะ" พระเลยตกลงขอนอนที่ห้องนี้ว่าเกิดอะไรขึ้น ในขณะที่ผู้คนต่างมองหน้ากันอย่างหวาดผวาและพากันออก ไปจากห้อง และแล้วคืนนั้นเอง ดึกสงัดขณะที่พระกำลังนอนหลับเฝ้าศพอยู่นั้น ทันใดก็มีลมพัดวูบมาดับเทียนหมด ท่านตกใจเลยตื่นขึ้นมาดู แต่แล้วก็เกิดเรื่องประหลาดขึ้น เมื่อประตูห้องที่ปิดสนิทดันเลื่อนเปิดเอง ครืดดดด!!! เสียงระตูถูกเลื่อนออก พร้อมร่างมหึมาใหญ่โตก็ตะครุ่มเข้ามา พระท่านต้องตกใจแทบเป็นบ้าเมื่อเห็นโครงกระดูกผีมหึม ารูปร่างแห้งเหี่ยวน่าเกลียดสูงเท่าเพดานห้อง เอื้อมมือยาวไปหยิบของเส้นไหว้บนหิ้งกินจนหมด แล้วเหลือบมาคว้าศพคนตายขึ้นไปกินอย่างหิวโหย เสียงมันนั้นร้องอย่างทรมานเหมือนไม่ได้กินอะไรมาเป็ นร้อยๆปี มันกินศพจนไม่เหลือแม้แต่กระดูกหรือเส้นผมแล้วก็ทะยา นวับหายไปพร้อมเสียงร้อง วี๊ดดดดด ... พระเองนั่งนิ่งไม่ขยับไปจากตรงนั้นจนถึงเช้า รุ่งเช้าท่านไม่พูดอะไรรีบเก็บข้าวของออกจากหมู่บ้าน ท่าเดียว... ขณะที่ท่านกำลังเดินทางออกไปก็เหลือบไปเห็นนักบวชคนเ มื่อเย็นวานที่เจอ เขาเดินตรงเข้ามาหาและพูดกับพระว่า "ท่านเองคงเห็นแล้วสินะ ร่างจริงของข้าน่ะ" พระทำท่าทีแปลกใจ "ก็เปรตตัวเมื่อคืนนี้ไง ข้านะตอนที่มีชีวิตอยู่หาศาสนาตนเองก็ไม่ได้ต้องเที่ ยวเป็นนักบวช แต่แล้วอดอยากไม่มีข้าวกินเข้าไปขโมยของพระกินในวัด มีผู้คนส่งของมาถวายพระข้าก็แอบกินจนเรียบ ก็อย่างที่เห็นแหละตายมาต้องมาเป็นปิศาจคอยกินศพชาวบ ้านในหมู่บ้าน เร่ร่อนไปไม่ได้ผุดเกิด ท่านเองก็ด้วย จงมั่นอยู่ในศีลธรรมอันดีอย่าได้นอกลู่นอกทางเด็ดขาด เดี๋ยวจะเป็นเหมือนข้า" ว่าแล้วนักบวชนั้นก้หายวับไป ตั้งแต่นั้นมาพระองค์นั้นก็หมั่นอุทิศส่วนกุศลไปให้เ ปรตตนเพื่อบรรเทาความทุกทรมานของเขาลงบ้าง และให้เขาไปผุดเกิด...
ยาวไปหน่อยนะครับ แต่่โดยสรุปก็คือผีกินศพหรือผีเปรตเนี่ย เป็นปิศาจที่เกิดจากคนที่ตายไปแล้ว แต่ต้องมาชดใช้กรรม โดยต้องอยู่ในสถานะนี้จนกว่าจะชดใช้กรรมหมด พวกเราท่านๆ ได้ยินดังนี้ ก็หมันทำความดีมากๆนะครับ (อยากรู้เหมือนกันว่าพวกโกงบ้านเมืองนี่จะเปงผีกินศพบ้างรึเปล่าเนี่ย อยากรู้เจงๆ)
0 Comments:
Post a Comment
<< Home