Friday, September 15, 2006

No.13 Big Foot (ไอ้ตีนโต)


No.13 ไอ้ตีนโต

ลักษณะทางกายภาพ : สูง 2 เมตรกว่าๆ น้ำหนัก 150 kg กว่าๆ มีลักษณะ คล้าย ลิง แรงมาก เรียกว่า มนุษย์วานร

ถิ่นกำเนิด : ถูกค้นพบครั้งแรก คศ.19 ที่ ทวีปอเมริกา เอเชีย แต่มีชื่อเรียกแตกต่างกันไป

ประวัติและความเป็นมา :

เจ้าตัวนี้อาศัยอยู่ในเงามืด ผู้คนหลายพัน คนอ้างว่าเคยพบเห็นมัน แต่ด้วยเหตุอันใดจึงไม่เคยมีใครนำมันกลับมาได้ ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย มันจะเป็นเพียงตำนาน เป็นอสุรกาย หรือเป็นญาติห่าง ๆ ของมนุษย์ เราจะมาติดตามความจริงของเจ้าตัวนี้ "บิ๊กฟุต" (Bigfoot) เรื่องราวของเจ้าบิ๊กฟุตนี้ ได้เริ่มต้นขึ้นในยุค 1950 จากรายงานเกี่ยวกับสัตว์ประหลาดที่มีลักษณะคล้ายลิงของนักเดินป่าและคนตัดไม้ ที่ได้เดินทางไปทั่วป่าทางเหนือของแคลิฟอร์เนีย และจากนั้น ในปี 1958 เมื่อคนตัดซุงบุกลึกเข้าไปในป่าดึกดำบรรพ์ของสันเขาแคสเคด (Cascade) พวกเขาก็พบรอยเท้าขนาดใหญ่ต่างจากที่เคยพบเห็นมาก่อน ซึ่งทำให้มันได้ถูกขนานนามว่า "บิ๊กฟุต" หรือ "ไอ้ตีนโต" โดยทันที

แต่ชนพื้นเมืองอเมริกัน ทางตะวันตกเฉียงเหนือของแปซิฟิกมีความเชื่อกันมาเนิ่นนานแล้ว เกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาเรียกว่า
"แซสควอช" (Sasquatch) สัตว์คล้ายลิงที่อาศัยอยู่ขอบนอกอารยธรรม แต่เมื่อตำนานเปลี่ยนมาเป็นข่าวลือ "โรเจอร์ แพตเตอร์สัน" (Roger Patterson) อดีตนักขี่ม้าพยศ และ "บ๊อบ กิมลิน" (Bob Gimlin) ผู้เชี่ยวชาญเรื่องม้าและนักตามรอย จึงเดินทางไปยัง "บลัฟ ครีก" (Bluff Creek) ที่ป่าแห่งชาติ "ทรินิตี้" (Trinity) ไกลจากซานฟรานซิสโกไปทางเหนือ 256 กิโลเมตร ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นที่อยู่สำคัญของบิ๊กฟุตเลยทีเดียว พวกเขาไม่พบอะไรเลยตลอด 7 วัน แต่แล้วเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 1967 ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป เมื่อแพตเตอร์สันได้ถ่ายภาพญาติผู้ขี้อายของมนุษย์มาได้ แม้ว่าเขาจะถูกนักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่มองว่า เป็นเรื่องหลอกลวง แต่เขาก็ได้รับเงินจำนวนมากจากการขายลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ไปทั่วโลก นับแต่ "บิ๊กฟุต" ได้ปรากฏโฉมในหน้าหนังสือพิมพ์แคลิฟอร์เนีย เรื่องราวก็ถูกใส่สีตีไข่เสียจนเลอะเทอะ รอยเท้าและเส้นขนตัวอย่างจำนวนมากก็กลายเป็นของปลอมไปซะหมด แต่ก็มิได้เป็นสิ่งที่พิสูจน์ว่า เขาจะกุเรื่องบิ๊กฟุตขึ้นมาหลอกลวง

จากการที่ได้ศึกษาภาพยนตร์ของแพตเตอร์สัน ไปทีละเฟรม ๆ ทำให้ได้รู้ถึงวิธีเดินของเจ้าบิ๊ก ฟุต ว่ามันจะแกว่งแขนไปมาเหมือนกับคน แต่จะต่างกันที่ พวกมันจะโน้มตัวไปข้างหน้าตรงช่วงตะโพกมากกว่าคนปกติทำ และงอเข่าเล็กน้อย ข้อพิสูจน์ต่าง ๆ ของเจ้าบิ๊กฟุตจึงยังคงเป็นปริศนา แต่เจ้าสัตว์อายกล้องก็ยังปรากฏตัวอยู่เรื่อย ๆ แม้จะเป็นอีกฟากหนึ่งของโลก อย่างเช่นในเทือกเขาหิมาลัย ที่มีตำนานเกี่ยวกับ เยติ (Yeti) ซึ่งเป็นสัตว์ กึ่งลิง และมีขนดกที่มีหัวทรงโคน เช่นเดียวกับเจ้าบิ๊กฟุต และในปี 1921 นักปีนเขาชาวอังกฤษ ที่ตั้ง ใจจะปีนขึ้นไปพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ก็พบเห็นสิ่งมีชีวิตคล้ายมนุษย์ที่มีรูปร่างสีเข้มกำลังเคลื่อนไหวอยู่ในทุ่งหิมะเหนือขึ้นไป ตลอด 40 ปีต่อมา ก็มีรายงานการพบเห็นอีกนับสิบครั้ง จากนั้นในปี 1960 เซอร์ เอ็ดมันด์ ฮิลลารี่ (Sir Edmund Hillary) ผู้พิชิตเอเวอเรสต์ก็หวน กลับมายังหิมาลัยเพื่อการสำรวจวิทยาศาสตร์ แต่อีกเป้าหมายหนึ่งของเขาก็คือ เพื่อค้นหาเยตินั่นเอง

นักมานุษยวิทยาบางคนเชื่อว่า เรามีบรรพบุรุษเดียวกับBig Foot แต่เมื่อ 11 ล้านปีก่อน สายพันธุ์เราก็แยกออกมา และเราก็มีวิวัฒนาการกันไปคนละแบบ สำหรับถิ่นกำเนิดของBig Footนั้น เกิดขึ้นในเอเซียตะวันออก อาจจะข้ามไปถึงอเมริกา เหนือ ซึ่งทายาทของพวกเขายังคงรู้จักสัตว์ที่เรียกว่า แซสควอช และเมื่อไม่มีอะไรมากไปกว่าการพบเห็น และรอยเท้าที่น่าสงสัย Big Footอาจจะยังคงเป็นเพียงเงาปริศนา เนื่องจากยังไม่มีใครพบกระดูกของมัน

0 Comments:

Post a Comment

<< Home

eXTReMe Tracker