Tuesday, August 29, 2006

No.11 The Witch (แม่มด)

No.11 แม่มด

ลักษณะทางกายภาพ : สูงประมาณ 160 cm หนัก 50 kg ลักษณะเหมือนคนทั่วไป มีเวทย์มนต์ ชอบถือไม้กวาด และใส่หมวก

ถิ่นกำเนิด : ค.ศ.6 แถบประเทศในยุโรป

ประวัติและความเป็นมา :

ไม่ว่าแม่มดจะมีจริงหรือไม่ หรือดีเลวอย่างไรก็ตาม ประมาณต้นศตวรรษที่ 6-11 แถบยุโรปเคยมีแม่มดและมนุษย์อาศัยอยู่ด้วยกัน แต่พอศตวรรษที่ 15-17 หรือยุคกลางของยุโรป ที่เรียกกันว่า ยุคมืด นั้นมีการล่าแม่มดขนานใหญ่ สมมุติว่าเกิดเหตุผิดธรรมชาติขึ้นในท้องถิ่น เช่นฝนไม่ตก มีโรคระบาด สิ่งแรกที่คนสมัยนั้นจะโยนบาปก็คือแม่มด พวกชาวบ้านจะระดมกำลังกันตามหาผู้ต้องสงสัย และมักเป็นแพะรับบาป พร้อมหลักฐานจำนวนหนึ่ง บางทีหลักฐานก็ดูตลกๆ เช่นแค่เลี้ยงหมากับแมวไว้ในบ้านก็ตาม หญิงแก่ไร้ญาติบางคน ซึ่งมีแค่แมวตัวเดียวเป็นสัตว์เลี้ยงคลายเหงา มักถูกหาว่าเป็นแม่มด และถูกลากมาเผาประจานทั้งเป็นอย่างน่าอนาถ หญิงสาวบางคนที่สวยเกินไปก็โดนข้อหานี้ด้วย เพราะสงสัยว่าจะเอาวิญญาณเข้าแลกกับเรือนร่างอันน่ามอง แถมผู้ชายในสมัยนั้นยังชอบทารุณกรรมผู้หญิง โดยยกข้ออ้างจากไบเบิลขึ้นมาอ้างมั่วว่า สูเจ้าจะต้องไม่ทรมานแม่มดด้วยการปล่อยให้มีชีวิต ( "Thou shlt not a suffer a witch to live" ) ฉะนั้นจึงมีการเฆี่ยนประจาน การทรมานด้วยวิธีนานาที่จะนึกออกได้ ใครจะทนการทรมานไหว ก็จำต้องรับสารภาพ เพื่อจะได้ตายด้วยวิธีที่ไม่ทรมานนั่นคือ การเผาทั้งเป็น!

อีกตัวอย่างเหตุการณ์ของการจับแพะแม่มดที่สำคัญโด่งดังคือ กรณีเซนต์โจนส์แห่งตำบลอาร์ค (โยนส์ออฟอาร์ค) เพียงเพราะเป็นผู้หญิงที่ไม่คอยมีใครรู้ที่มาที่ไป และนำทัพปฏิวัติให้ฝรั่งเศสเป็นอิสระจากอังกฤษ อย่างเหลือเชื่อ การเมืองไม่เข้าใครออกใคร จะด้วยอิจฉาหรือกลัวถูกแย่งประชานิยมหรือรักษาตัวรอดตามเกมการเมืองก็ตาม ผู้มีอำนาจในฝรั่งเศสสมรู้กันมอบเธอให้อังกฤษ เพื่อแลกกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ทั้งที่เธอต่างหากที่ปลดปล่อยฝรั่งเศสให้กลับมาเป็นปึกแผ่น และมีกษัฅริย์ของตนเอง เธอถูกตัดสินว่า ผิดจริงโดยใช้พลังของแม่มดในการเมืองการสงคราม และถูกเผาทั้งเป็น แต่ภายหลังเป็นร้อยปี ก็ได้มีการรื้อคดีมาทำใหม่ และประกาศว่าการพิพิากษาครั้งนั้นไม่ถูกต้อง แล้วเธอได้รับยกย่องให้เป็น หนึ่งใน นักบุญ (เซนต์)

Saturday, August 26, 2006

No.10 The Immortal(มนุษย์อมตะ)

No.10 มนุษย์อมตะ

ลักษณะทางกายภาพ : สูงประมาณ 180 cm หนัก 80 kg ลักษณะเหมือนคนทั่วไป แต่ ไม่มีวันตาย

ถิ่นกำเนิด : ค.ศ.18 แถบประเทศในยุโรปตะวันตก

ประวัติและความเป็นมา :

เรื่องราวของมนุษย์อมตะนั้น มีมานานแล้ว ซึ่งมนุษย์อมตะนั้น ไม่ว่าจะถูกทำร้ายหรือว่า ถูกฆ่าอย่างไรก็จะไม่มีวันตาย อีกทั้งบาดแผลที่ถูกทำร้ายก็จะหายเป็นปกติได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งมนุษย์อมตะนั้น จะคงความเป็นหนุ่ม ได้ตลอดเวลา โดยไม่มีวันแก่เฒ่า โดยจะอยู่ได้นานตราบเท่าที่จะมีคนค้นพบวิธีฆ่ามันได้

ซึ่งเรื่องราวของมนุษย์อมตะนั้น มีการอ้างอิงในหลายรูปแบบ ได้มีการนำไปทำเป็นภาพยนต์ เช่นในเรื่อง
The League of Extraordinary Gentlemen ซึ่งเป็นเรื่อง ของDorian Gray ผู้ซึ่งเป็นอมตะ เป็นผู้ที่อยู่ในทีมนี้ โดยเค้ามีความอมตะ แม้จะทำเลว ทำชั่วเยี่ยงไร ความงามของดอเรียน เกรย์ก็ยังเป็นอมตะทุกครั้งที่เขาทำความเลว ริ้วรอยความชั่วจะปรากฎบนรูปเหมือนที่เขาซ่อนไว้โดยที่หน้าตาและวัยที่สดใสราวกับฤดูใบไม้ผลิของเขาไม่เคยแปดเปื้อนหรือโรยรา ต่อให้ใช้อาวุธใดๆ มากรีดแทงผิวกายของดอเรียน เขาก็ไม่ระคายแม้แต่น้อยเพราะที่เห็นนั้นเป็นเพียงร่างกายที่ไร้หัวใจและวิญญาณ เป็นเพียงมายาภาพหัวใจและวิญญาณของเขาอยู่ใน 'รูปเหมือน' ที่ซ่อนไว้ในห้องใต้หลังคานั่นแล้วเมื่อ 'รูปเหมือน' ถูกทำลาย ความตายและความชราก็มาเยือนบุรุษหนุ่มผู้นี้

ส่วนอีกเรื่องของมนุษย์อมตะที่ดังไม่แพ้กันก็คือเรื่องHighlander
เป็นเรื่องของเผ่าพันธุ์หนึ่งที่มีอยู่ในโลก เผ่าพันธุ์นี้จะเป็นอมตะ ไม่มีวันตาย รึว่าแก่เฒ่า ซึ่งพระเอกของเรื่องนี้ ก็เป็นคนเผ่านี้เช่นเดียวกัน โดยยามใดที่คนเผ่านี้เจอกัน จะต้องฆ่ากัน เพราะมันเป็นโชคชะตาของเผ่านี้ที่จะอยู่ร่วมกันไม่ได้ ซึ่งวิธีการฆ่าพวกคนเผ่าอมตะนี้พวกเขารู้ดี คือต้องใช้ดาบตัดคอฝ่ายตรงข้าม ให้ตายทันที
ดังนั้นในเรื่องนี้เราจะเห็นคนเผ่าอมตะนี้ถือดาบเป็นอาวุธประจำตัวเสมอ ซึ่งในการ์ตูนญีปุ่น ก็มีเรื่องมนุษย์อมตะเช่นกัน แต่เกิดจากกินเนื้อเงือก ทำให้มีสภาพความเป็นอมตะเช่นกัน

ไม่ว่าจะเป็นความอมตะเช่นไรก็ตาม สุดท้ายสิ่งที่ผู้อมตะได้รับก็คือการอยู่อย่างโดดเดี่ยว เพราะคนที่เค้ารู้จักและรัก ไม่ได้เป็นอมตะเช่นเดียวกับเขา
ดังนั้นผู้ที่เป็นอมตะจึงมีจิตใจที่ค่อนข้างเลือดเย็น เพราะเค้าชาชิน กับ ความรัก และ ความห่วงใยไปหมดแล้ว ซึ่งการเป็นอมตะไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย แต่ทำไมพวกผู้นำของประเทศต่างๆถึงอยากมีชีวิตเป็นอมตะนะ

Friday, August 25, 2006

No.9 Jack The Ripper (แจ็ค เดอะ ริปเปอร์)

No.9 แจ็ค เดอะ ริปปอร์

ลักษณะทางกายภาพ : สูงประมาณ 180 cm หนัก 80 kg ลักษณะเหมือนคนทั่วไป แต่มีนิสัย วิปริต โหดเหี้ยม ชอบฆ่าคน

ถิ่นกำเนิด : ค.ศ.1888 ประเทศสหราชอาณาจักร

ประวัติและความเป็นมา :

แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ (Jack The Ripper)เป็นชื่อของชายคนหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์อังกฤษ ที่ชาวอังกฤษและชาวโลกรู้จักกันดี เพราะว่า
ชายคนนี้เป็นฆาตกรต่อเนื่องที่ก่อคดีสะเทือนขวัญมานับครั้งไม่ถ้วน กับหญิงโสเภณีในย่านสลัมของย่านลอนดอน ซึ่งผ่านมากว่าร้อยปีแล้ว และมีหนังสือที่เกี่ยวกับแจ๊คออกมามากมาย นับว่า แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ เป็นอาชญากรชื่อดังแห่งยุคหรือศตวรรษนั่นเลยทีเดียว เป็นสัญญลักษณ์ของความน่ากลัวต่อชาวอังกฤษ จนถึงทุกวันนี้เมื่อนึกถึงชื่อนี้ขึ้นมา

ชายผู้นี้ยังไม่เคยโดนจับได้เลยตั้งแต่เขาก่อคดีสะเทือนขวัญผู้คนในลอนดอนมา ทั้งยังการฆ่าที่โหดเหี้ยมและน่าสยดสยอง ไม่ว่าจะเป็นการฆ่าเหยื่อโดยการผ่าท้อง และลากเอาไส้มาขวัญไว้ที่เสาไฟฟ้า การแขวนศพเหยื่อไว้บนกำแพง และที่สำคัญไม่มีข่าวรายงานเลยว่ามีคนที่เคยเห็นหน้าแจ๊คด้วยซ้ำไป กระทั่งผู้ที่อาศัยอยู่ละแวกใกล้ๆ แม้แต่ตอนที่แจ๊คลงมือยังแทบไม่ได้ยินเสียงอะไรที่ผิดปกติเลย โดยเหยื่อนั้นเสียชีวิตจากการถูกของมีคมแทงหรือไม่ก็ชำแหละ คมมากจนถึงขนาดตัดกระดูกออกมาได้ จนถึงทุกวันนี้ก็ยังมีการตั้งสมมติฐานและสืบจากหลักฐานที่บันทึกไว้อยู่ แต่ก็ยังไม่ได้เรื่องราวคืบหน้าอะไร

No.8 Goblin (ก็อบลิน)


No.8 ก็อบลิน

ลักษณะทางกายภาพ : สูงประมาณ 70 cm หนัก 40 kg ตัวเล็กมาก เท่าเด็ก แต่มีแรงมาก กว่าคนธรรมดาทั่วไป

ถิ่นกำเนิด : ก่อน ค.ศ. แถบประเทศฝรั่งเศส

ประวัติและความเป็นมา :

ต้นกำเนิดมาจากประเทศฝรั่งเศส แพร่พันธุ์ได้รวดเร็ว
ก็อบลิน เป็นภูติที่กินเนื้อ มันเป็นสิ่งมีชีวิต กิ่งภูติ ก็อบลิน เป็นคำเรียกทางด้านตะวันตก
ก็อบลินเป็นพวกโนมที่มีรูปร่างวิกลวิการ พวกมันชอบเล่นสนุก

แต่บางครั้งก็ชั่วร้ายและเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมสามารถทำอันตรายแก่ผู้คน รอยยิ้มของก็อบลินทำให้เลือดหยุดไหล เสียงหัวเราะของมันทำให้นมบูด [เหมาะสำหรับคนที่ชอบกินเปรี้ยว] และทำให้ผลไม้ร่วงหล่นจากต้นมันชอบรังควาญมนุษย์ในหลายรูปแบบ เช่น ซ่อนวัตถุเล็กๆ เทถังนม และเปลี่ยนป้ายสัญญาณ ก็อบลินมีต้นกำเนิดจากประเทศฝรั่งเศส ผ่านรอยแยกในเขาพิเรนิส พวกมันแพร่พันธุ์อย่างรวดเร็วไปทั่วยุโรป พวกมันไม่มีบ้านและมักอาศัยอยู่ในรอยแตกในหินและรากของต้นไม่เก่าแก่ แต่พวกมันจะไม่อยู่ที่ใดนาน [พวกเร่ร่อนนี่เอง]

Thursday, August 24, 2006

No.7 Dwarf (คนแคระ)


No.7 คนแคระ

ลักษณะทางกายภาพ : สูงประมาณ 70 cm หนัก 40 kg ตัวเล็กมาก เท่าเด็ก แต่มีแรงมาก กว่าคนธรรมดาทั่วไป

ถิ่นกำเนิด : ก่อน ค.ศ. แถบประเทศสแกนดิเนเวีย

ประวัติและความเป็นมา :

คนแคระ ในตำนาน เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะเหมือนคนตัวเล็กๆ คือ ตัวเตี้ยกว่ามนุษย์ถึง1/2เท่า Dwarfนี้ จะมีอายุยืนยาว ดังนั้นในตำนาน จะเห็นเป็นภาพคนเตี้ยอ้วนป้อม หนวดเครายาวเฟิ้มหน้าตาแก่ๆหน่อย ถิ่นที่อยู่อาศัยที่ชอบก็ได้แก่ในถ้ำต่างๆ หรืออุโมงค์ใต้ดิน หรือ อยู่ในต้นไม้กลวงๆ Dwarf มีนิสัยอยางหนึ่งที่พบได้คือ เป็นผู้ที่ชื่นชอบและสะสมพวกของแร่ธาตุที่มีค่ามาก เช่นเพชรพลอย ทองคำ โลหะ เป็นต้น และก็เป็นนักเหมืองแร่ตัวฉกาจ หรือนักประดิษฐ์ประดอยฝีมือเยี่ยมไม่ว่าจะเป็นอาวุธ หรือเครื่องของประดับ และมีนิสัยที่กล้าหาญ บางครั้งก็ดุดัน มุทะลุ เป็นนักรบฝีมือดีเยี่ยม มีความอดทนสูง อาวุธที่มักพบคือขวาน หรือพลวง

คนแคระที่มีชื่อเสียงที่สุด ในตำนานผีดูดเลือด คงไม่พ้น เบลา คนแคระหลังค่อม จอมอาภัพซึ่งเป็นทาสและคนรับใช้อันซื่อสัตย์ของท่านเคาท์แดร็กคิวล่า
ตลอดเวลาที่แดร็กคิวล่าจำศีลในเวลากลางวัน ก็จะมีเบลา คนแคระ หลังค่อม ผู้นี้เป็นผู้คุ้มกันร่างเจ้านายมัน แต่เมื่อท่านเคาท์ถูกฆ่าตาย เบลาก็หายสาปสูญไป
ซึ่ง จากตำนานก็ไม่เคยมีใครพบ เบลา ทาส ผู้ซื่อสัตย์นี้อีกเลย

Wednesday, August 23, 2006

No.6 Frankenstein (แฟรงเกนสไตน์)


No.6 แฟรงเกนสไตน์

ลักษณะทางกายภาพ : สูงประมาณ 230 cm หนัก 150 kg มีลักษณะเป็นศพร่างยักษ์ เกิดจากการต่อศพหลายๆอย่างเด้วยกัน มีแรงมหาศาล

ถิ่นกำเนิด : ค.ศ. ที่ 18 ที่กรุงเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์

ประวัติและความเป็นมา :


วิคเตอร์ แฟรงเกนไสตน์(Victor Frankenstein) เป็นนามของชายผู้หนึ่ง เขาเกิดที่กรุงเจนีวา เมื่อประมาณปี 1790 เป็นบุตรของนักการเมืองและคหบดีผู้มั่งคั่ง เขามีเพื่อสนิทที่เป็นนักศึกษาอยู่คนนึงชื่อ เฮนรี่ เคลอวัล ที่ชักนำให้วิคเตอร์สนใจเรื่องพลังธรรมชาติ โดยเฉพาะสาขาที่เกี่ยวข้องกับไฟฟ้าและแหล่งกำเนิดชีวิต เมื่อเขาไปเรียนที่มหาวิทยาลัย Ingoildtadt University ก็ได้ทำการศึกษาเรื่องนี้ต่อ โดยมุ่งหวังจะเป็นผู้บุกเบิกแนวทางใหม่ในการแสวงหาพลังใหม่ที่ไม่มีใครรู้จัก เพื่อนำไปสู่กุญแจไขความลี้ลับของการกำเนิดชีวิต เข้ามุ่งมั่นที่จะใส่ชีวิตใหม่ให้กับคนที่ตายไปแล้ว โดยใช้ร่างของผู้ตายมาสร้างมนุษย์พิเศษขึ้นมาใหม่

เมื่อการค้นคว้าดำเนินมาถึงที่สุด แฟรงเกนไสตน์ก็ตัดสินใจท้าทายอำนาจแห่งพระเจ้า เขาพยายามจะทำให้คนตายกลับฟื้นคืนชีพ ทว่า เจ้าคนตายนี้กลับไม่ใช่ศพใดศพหนึ่ง กลับเป็นผลผลิตที่เกิดจากการนำเอาชิ้นส่วนจากหลายศพ มาเย็บเข้าไว้รวมกันด้วยความตั้งใจที่จะทำให้มันกลายเป็นยอดมนุษย์ แข็งแรงและสูงใหญ่กว่าคนทั่วไปนัก ในที่สุดแฟรงเกนไสตน์ก็ได้ทำให้เจ้าอมนุษย์ตนนั้นฟื้นคืนชีพขึ้นมา แต่ใครๆก็กลัวมัน แม้แต่ผู้ให้กำเนิดมันขึ้นมา ก็ไม่มีใครยอมรับมัน

ซึ่งต่อมาในภายหลังอสุรกายผู้น่าสงสารตนนี้ก็อยากจะมีเพื่อนบ้าง มันสาบานว่าถ้ามันมีเพื่อนมันจะหลบไปอยู่ในป่าลึกไม่ยุ่งกับใครอีก
แต่เจ้านายของมันไม่อยากทำการชุบชีวิตอสุรกายแบบนี้อีก อสุรกายตนนี้จึงจำเป็นต้องฆ่า ทั้งเพื่อนและคนรักของเจ้านายมันเพียงเพื่อให้ เจ้านายมันยอมทำตามที่มันขอ สุดท้ายเจ้านายมัน แฟรงเกนไสตน์ก็หนีและไปตรอมใจตาย ที่ อาร์ติค ซึ่งเมื่ออสุรกายตนนี้รู้ก็เสียใจและตายตามเจ้านายผู้ให้ชีวิตมัน

เรื่องมันเศร้าแถมจบลงด้วยความสูญเสียของทุกฝ่าย ก็อดสงสารเจ้าอสุรกายนั้นไม่ได้ เพราะต้องมาทนทุกข์ทรมานทั้งที่ไม่ได้ก่ออะไรเอาไว้เลย
นาม"แฟรงเกนไสตน์"นี้ ต่อมาคนรุ่นหลังใช้เรียกเจ้าอสุรกายนี้แทนครับ

Tuesday, August 22, 2006

No.5 Vampirella (ผีดูดเลือดหญิง)


No.5 ผีดูดเลือดหญิง

ลักษณะทางกายภาพ : สูงประมาณ 170 cm หนัก 50 kg มีลักษณะเป็นหญิงงสาว มีเขี้ยวยาว ดูดเลือดมนุษย์เป็นอาหาร อยู่ได้ในเฉพาะที่มืดๆไม่สามารถโดนแสงแดดได้ อีกทั้ง สามารถกลายร่างเป็นค้างคาวดูดเลือดได้

ถิ่นกำเนิด : ปลาย ค.ศ. ที่ 18 ที่แคว้นทรานซิลวาเนีย ประเทศโรมันเนีย และ ประเทศแถบยุโรป ตะวันออก

ประวัติและความเป็นมา :

จากครั้งที่แล้วเราพูดถึงแวมไพร์ผู้ชาย มาครั้งนี้ผมจะกล่าวถึงแวมไพร์เพศหญิงบ้างนะคับ ซึ่งลักษณะโดยรวมแล้วไม่ต่างจากแวมไพร์ชายเท่าที่ควรซึ่ง
แวมไพร์ก็เป็นที่ยอมรับว่ามีอยู่จริง มีทั้งสองเพศ มีเขี้ยวยาว ผิวซีดเซียว และมีดวงตาที่แข็งกร้าว มักจะออกหาเหยื่อในเวลากลางคืน และเหยื่อก็จะเป็นเพศตรงข้าม ป้องกันได้โดยใช้กระเทียม


แวมไพร์เป็นคนบาปที่ดำเนินชีวิตอย่างชั่วร้าย บุคคลที่มีความแตกต่างจากคนอื่นและตายอย่างประหลาดมักจะถูกเชื่อว่า เป็นแวมไพร์ หลังจากนั้นเขาก็จะถูกกีดกันออกจากสังคม การกำจัดแวมไพร์นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องทำเฉพาะเวลากลางวัน ตอนที่มันไม่มีอำนาจเท่านั้น เชื่อว่าหลุมศพใดมีโพรงอยู่ แสดงว่าศพในหลุมนั้นเป็นแวมไพร์ โดยความเชื่อของชาวโรมัน ให้เทน้ำเดือดลงไปในโพรงเพื่อกำจัดแวมไพร์หรือตอกหมุดไม้ลงไปที่หัวใจ

ถึงแม้ว่าแวมไพร์จะมีทั้งสองเพศ โดยการดูดเลือดสลับเพศกัน ซึ่งแวมไพร์จะไม่ดูดเลือดเพศเดียวกันเด็ดขาด แต่ โดยรวมแล้ว แวมไพร์เพศชาย
จะมีมากกว่าเพศหญิง และโดยมากแวมไพร์หญิงมักจะเป็นบริวารของแวมไพร์ชาย ด้วย ดังเช่นกรณีของเคาท์แดร็กคิวล่า ซึ่งมีบริวาณเป็นแวมไพร์หญิง ถึง สามคน เป็นบริวาร ดังที่เราเคยได้ชมกันในภาพยนต์เรื่อง แวน เฮล ซิง นักล่าแวมไพร์ นะคับ ถ้ายังพอจำกันได้

No.4 Vampire (ผีดูดเลือดชาย)



No.4 ผีดูดเลือดชาย

ลักษณะทางกายภาพ : สูงประมาณ 188 cm หนัก 90 kg มีลักษณะเป็นชายหนุ่ม มีเขี้ยวยาว ดูดเลือดมนุษย์เป็นอาหาร อยู่ได้ในเฉพาะที่มืดๆ
ไม่สามารถโดนแสงแดดได้ อีกทั้ง สามารถกลายร่างเป็นค้างคาวดูดเลือดได้

กำเนิด : ปลาย ค.ศ. ที่ 18 ที่แคว้นทรานซิลวาเนีย ประเทศโรมันเนีย และ ประเทศแถบยุโรป ตะวันออก

ประวัติและความเป็นมา :

แวมไพร์หรือผีดูดเลือดนั้น เป็นที่รู้จักกันดี ว่าเป็นผีดิบชนิดหนึ่งที่สามารถแปลงเป็นค้างคาวและดูดเลือดได้ แต่แวมไพร์ที่โด่งดังที่สุดในประวัติศาสตร์นั้น
เชื่อว่าในปัจจุบัน คงไม่มีใครหรอก ที่จะไม่รู้จักแวมไพร์สุภาพบุรษ ที่แฝงกายแอบอ้างอยู่ในนามของท่านเคาท์ เขามีรูปกายที่ทรงเสน่ห์ มีแววตาอันนุ่มนวลชวนหลงใหล และที่สำคัญ เขามีคมเขี้ยวอยู่คู่หนึ่ง ซึ่งแฝงเร้นมากับความมืด ไม่มีใครทราบว่า เขี้ยวคู่นั้นของเขา จะโผล่ ออกมางาบคอหอยเหยื่อเมื่อไร เขาล่ะ ท่านเคาท์แดร็คคิวลา แวมไพร์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในประวัติศาสตร์
เหตุเพราะว่าไปพ้องกับเรื่องราวของจอมทรราชย์คนหนึ่ง ซึ่งเคยมีตัวตนอยู่จริง คือวลาด ทีปีซ แดร็คคิวลา อดีตผู้นำโรมาเนียโบราณ กษัตริย์จอมโหด ที่กลายเป็นต้นแบบแวมไพร์นามระบือโลก หรือที่เรารู้จักกันในนามของท่านเคาท์แดร็คคิวลานั่นเอง

กาลเวลาก็ได้เปลี่ยนไป จากรุ่นสู่รุ่น ดูเหมือนว่าตามประวัติศาสตร์ ตระกูลของวลาดจะสิ้นสุดลงในปี 1658 พร้อมกับมรณกรรมของ คอนแสตนติน บาสซารับ ทายาทคนสุดท้ายของวลาเซีย แต่เรื่องราวมิได้จบลง เพราะสมัยวิคตอเรียน ได้มีชายนายหนึ่ง เนื่องจากเป็นคนสร้างตำนานของท่านเคาท์ผีดูดเลือด จนดังกระฉ่อนโลก นาม แบรม สโตเกอร์ ได้เขียนนิยายเรื่อง เคาท์แดร็กคิวล่าผีดูดเลือด

แวมไพร์ในความนึกคิดของเรามักจะเป็นไปในแนวของ ปีศาจดูดเลือด ผู้ที่ฟื้นคืนชีพจากความตาย ดำรงชีวิตได้เฉพาะยามค่ำคืน สามารถกลายร่างเป็นค้างคาวได้ คุณสมบัติพวกนี้เป็นแวมไพร์ของยุโรป และในหนังผี ซึ่งนี่อาจจะเป็นแรงจูงใจของแบรม สโตกเกอร์ ที่นำท่านเคาแดร็กคิวล่าผู้โหดร้าย นั้นเปรียบเสมือนผีดูดเลือดที่โหดร้ายเช่นกัน

Sunday, August 20, 2006

No.3 Werewolf (มนุษย์หมาป่า)




No.3 มนุษย์หมาป่า

ลักษณะทางกายภาพ : สูงประมาณ 210 cm หนัก 130 kg มีลักษณะเป็นหมาป่า มีความดุร้าย กินมนุษย์เป็นอาหาร แรงมาก และเคลื่อนที่ได้รวดเร็วมาก

ถิ่นกำเนิด : ค.ศ. ที่ 16-17 ที่ประเทศ ฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร และ ประเทศแถบยุโรป ตะวันตก

ประวัติและความเป็นมา :

มนุษย์หมาป่าเป็นเครือญาติ ของแวมไพร์อีกชนิดหนึ่ง คือ มีความเป็นผีดิบ ที่สามารถแปลงร่าง เป็นทั้งคน และหมาป่าได้ อาหารเลี้ยงชีวิตของมัน คือเนื้อและเลือดสดๆของมนุษย์ มันจะออกหากินเวลากลางคืน คอยมองหาเหยื่อ นักเดินทาง ที่ชอบฉายเดี่ยว บางครั้งพบว่า มีมนุษย์หมาป่า ที่มีลักษณะ ครึ่งคนครึ่งหมาป่า บางพวกก็แปลง เป็นหมาป่า อย่างสมบูรณ์ การฆ่ามนุษย์หมาป่า ที่ได้ผลที่สุด คือการยิงด้วยลูกปืนหรือ แทงด้วยมีด ที่ทำจากเงิน และต้องเป็นเงิน ที่หลอมมาจากกางเขนเงินด้วย ศพของมัน จะต้องนำไปเผา ซึ่งจะดีกว่า การนำไปฝัง เพราะการนำไปฝัง อาจจะทำให้ กลับคืนร่าง เป็นแวมไพร์ได้อีกครั้ง ตำนานเล่าไว้ว่า มนุษย์กลายร่าง เป็นมนุษย์หมาป่า เพราะถูก สาปหรือ เพราะอุบัติเหตุ ที่น่าสยดสยอง เขาจำเป็นต้องกลายร่าง เป็นมนุษย์หมาป่าทุกค่ำคืน หรือทุกๆวันที่พระจันทร์ เต็มดวง อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นับว่าน่าสงสารมากพอดู

ความเชื่อเรื่องมนุษย์หมาป่า มีอยู่ทั่วโลก มีอาการป่วยทางประสาทชนิดหนึ่ง ซึ่งหาได้ยากเรียกว่า Lycanthropy ซึ่งรู้จักกันมา ตั้งแต่สมัยโบราณ เป็นอาการที่ผู้ป่วย มักคิดว่า ตนเองสามารถแปลงร่าง เป็นหมาป่าได้ ทั้งๆที่ทำจริงๆ ไม่ได้ แต่ผู้ป่วยก็มัก จะมีกริยาอาการ แบบหมาป่า เที่ยวฆ่า คนแล้วกินเนื้อ ของเหยื่อที่ตนฆ่าทิ้ง มนุษย์หมาป่ามักจะกลายร่าง เป็นหมาป่าขณะพระจันทร์เต็มดวง แม้เจ้าตัวจะไม่ต้องการก็ตาม มันก็ไม่สามารถบังคับตนเองได้ แต่ยังมีมนุษย์ อีกพวกหนึ่ง ที่อยากจะเป็นมนุษย์หมาป่า ที่โหดร้าย ถึงขนาดใช้วิชาอาคมต่างๆ เพื่อหาวิธีที่จะกลายร่าง เป็นหมาป่า

โดยความคิดเห็นส่วนตัวของผมแล้วนั้นไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หมาป่าจริงๆ หรือว่า คนที่ป็นโรค Lycanthropy ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่อันตรายมากหากเราได้พบเจอ ดังนั้นหากคุณพบเจอคนที่มีอาการดังที่กล่าว ก็ไม่ควรอยู่ตามลำพังกับเค้าสองต่อสอง เพราะคุณอาจจะเป็นอาหารที่อร่อยของเค้าก็เป็นได้นะ



No.2 Zombie(ผีดิบ)


No.2 ซอมบี้

ลักษณะทางกายภาพ : สูงประมาณ 175 cm หนัก 60 kg เ ป็นศพเดินได้ ไม่มีความนึกคิด แรงมาก แต่เคลื่อนที่เชื่องช้า

ถิ่นกำเนิด : ค.ศ. ที่ 14 ที่ประเทศ ไฮติ

ประวัติและความเป็นมา :

ซอมบี้ หรือ ศพคืนชีพนั้นมันมีเกิดขึ้นแล้วจริง ๆ นานมาแล้วด้วยอยู่ในประเทศแถบซีกโลกตะวันตกของกาฬทวีป แอฟริกาโน้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ “ไฮติ” (Haiti) ซึ่งเป็นแหล่งต้นตำรับทางวิชาการ เวทมนตร์คาถาไสยศาสตร์วูดู (Voodoo) อันลือชื่อ คำว่า “ซอมบี้” (zombi) เป็นคำออกเสียงมาจากเสียงพูดคล้าย ๆ กัน จากภาษาของชนหลายเผ่าในกาฬทวีป ซึ่งออกเสียงว่า “ซัมบิ” (zumbi)

สำหรับพวกชนเผ่าต่าง ๆ ใน ไฮติที่นิยมวูดู ซอมบี้ คือศพที่เพิ่งตายไปใหม่ ๆ แต่ถูกคำสั่ง โดยอำนาจลึกลับของ “หมอผี” หรือ “ผู้ปล่อยคุณ” ปลุกให้ลุกขึ้นมาจากหลุมศพเพื่อกลับมาเป็นทาสรับใช้ ..ศพคืนชีพ หรือซอมบี้นั้นในภาษาพื้นเมืองไฮติเขาเรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า “โบโกร์” (Bokor).. ซอมบี้เป็นทาสผีดิบของหมอผี หรือผู้ทรงไสยดำ ผู้ที่มีอำนาจ (เชื่อว่าเป็นอำนาจจากนรก) เรียกเอาคนตายกลับขึ้นมาจากหลุมศพ..

ซึ่งในปัจจุบันได้มีการบิดเบือน ว่าซอมบี้เป็นอันตราย ชอบกินผู้คนเป็นอาหาร ไม่ว่าจะเป็น ภาพยนต์ ต่างๆที่ว่าซอมบี้เกิดจากเชื้อโรค สามารถแพร่เชื้อได้เมื่อซอมบี้กัดเหยื่อ ผู้ถูกกัดจะติดเชื้อและเป็นซอมบี้ต่อไป ซึ่งจากประวัติจริงๆแล้วนั้น ซอมบี้ไม่ได้อันตรายอย่างที่คิด จริงๆแล้วมันน่าสงสารมากมันต้องอยู่อย่างตายทั้งเป็น

Saturday, August 19, 2006

No.1 Mummy (มัมมี่)



No.1 มัมมี่

ลักษณะทางกายภาพ : สูงประมาณ 180 cm หนัก 40 kg เ ป็นศพมีผ้าสีขาวพันรอบตัว เดินได้ มีแรงเยอะกว่าคนทั่วไป แต่เคลื่อนที่เชื่องช้า

ถิ่นกำเนิด : ค.ศ. ที่ 12 ที่ประเทศ อียิปต์

ประวัติและความเป็นมา :

Mummy" เป็นภาษาอารบิก เรื่องราวมันมีอยู่ว่า มีพ่อค้าชาวอาหรับคนหนึ่ง ได้เดินทางเข้ามาในอียิปต์ ทีนี้พอเขาทราบว่าขบวนการรักษาศพไม่ให้เน่าเปื่อยจะต้องใช้ "บีทูมิน" อันเป็นตัวการทำให้ศพเปลี่ยนสีเป็นน้ำตาลดำๆเลยเรียก ขบวนการนี้ว่า "มัมมี่" ซึ่งมาจากคำว่า "มัมมิยะ" ในภาษาอารบิกซึ่งแปลว่า "บีทูมิน" นั่นเอง เจ้า"บีทูมิน" ตัวนี้น่ะ เป็นแร่ธาตุชนิดหนึ่ง (น้ำมันดิน ) สีจะออกน้ำตาลเข้มๆจนจะดำ คนสมัยก่อนมักจะนำเอามาอุดรอยรั่วตามสิ่งของต่างๆ ทีนี้จะต้องจะเล่าเรื่อง"การทำมัมมี่" กระบวนการทำมัมมี่ จะเริ่มจาก "การเอาสมองออก"

ขั้นตอนต่อมา ก็จะเป็นการนำเอาอวัยวะภายในออกมา ส่วนร่างกายที่เหลือแต่หัวใจเค้าก็จะเย็บเอาไว้และ ก็จะเข้าสู่กระบวนการรักษาสภาพศพ เค้าก็จะเอา "เนตรอน"ที่มีรสเค็มเหมือนเกลือ ใส่เข้าไปจนเต็ม มีสรรพคุณคือ ดูดซับน้ำหรือของเหลวต่างๆในร่างกาย และยังยับยั้งเชื้อรา แถมทำลายแบคทีเรียด้วย รอจนศพแห้งสนิท เหลือแต่หนังหุ้มกระดูก แต่พวกเส้นผมอะไรจำพวกนี้จะเหมือนเดิม ส่วนดวงตาทั้งสองข้างก็จะควักออกมา แล้วเอาลูกแก้ว ใส่เข้าไปแทน แล้วก็ดึงเปลือกตาลงมาปิดให้เหมือนกับนอนอยู่

ขั้นตอนสุดท้าย คือ การห่อผ้าพันศพ แหละ ส่วนมากจะเริ่มจากการพันสิ่งเล็กๆน้อยๆก่อน เช่นนิ้ว ก็จะพันจากปลายนิ้ว แต่ละนิ้วไปเรื่อยๆขึ้นมาจนถึงมือ แขน นิ้วเท้าก็เช่นกัน พันขึ้นมาเรื่อยๆ แล้วก็ถึงลำตัว และ ใบหน้าซึ่งส่วนนี้จะต้องเอาผ้ามัสลินปิดหลายๆชั้น ก่อนที่จะทำการพันรอบศีรษะ

ซึ่งมัมมี่นั้น ได้ขึ้นชื่อว่าเป็น ปิศาจที่มีความเป็นอมตะอยู่ในตัว และมีพละกำลังมากแม้จะมีน้ำหนักน้อยก็ตาม แต่อย่างไรก็ดี มัมมี่มีจุดอ่อนที่แพ้ไฟ ในปัจจุบันได้มีการทำเกมส์ หรือ ภาพยนต์ ที่เกี่ยวข้องกับมัมมี่มากเช่นเรื่อง มัมมี่ มัมมี่รีเทริน หรือ เกมส์ แนว RPG เช่น ไฟนอลแฟนตาซี ดราก้อนเควส ซึ่งมัมมี่ก็เป็นสัตว์ประหลาดที่ได้รับความนิยมสูง อีกทั้ง ในปัจจุบัน เราสามารถ หาชมมัมมี่ได้ ตามพิพิธภัณฑ์ด้วย

Introduce of Space

19 august 2006
แนะนำ พื้นที่ เรื่อง มอนสเตอร์ นะคับ
สวัสดีคับ นีคือสแปซ ที่ผมสร้างเพราะความชื่นชอบส่วนตัว ในเรื่องของสัตว์ประหลาด เมื่อครั้งผมยังเด็ก ซึ่งสมัยก่อนนั้น ได้มีการ์ด ที่เรียกว่า
<มันอยู่ในกระเป๋า> ซึ่งจะมีอยู่ทั้งหมด สี่สิบแปด ใบ เป็นการ์ดซึ่ง รวบรวมข้อมูล ประวัติ รูปภาพ ของ สัตว์ประหลาด ที่เคยมีอยู่จริง หรือ เป็น เรื่องเล่า ที่
เคยเกิดขึ้น ซึ่งแน่นอนคับ ผมซึ่งได้ชื่นชอบและเป็นแรงบันดาลใจ ในการทำ บล็อกนี้ขึ้น ถึงแม้ว่าการ์ดพวกนั้นผมจะไม่ได้เก็บไว้แล้ว
แต่ผมก็ยังจำได้ว่า มีการ์ดอะไรบ้าง และที่ดียิ่งขึ้น ผมจะลงข้อมูล ของสัตว์ประหลาด ที่เพิ่มมากขึ้น จากอดีต ซึ่ง มีเพียง สี่สิบแปดตัวเท่านั้น
โดยผมจะทำการ ค้นหา และนำมาลง เพื่อผู้สนใจที่เป็นชาวไทย และ ต่างชาติ ได้เข้ามาร่วมสนุกด้วยกัน

แทบทุกวันผมจะมีการค้นหา และ อัพเดท ข้อมูล ให้ท่านที่สนใจ ได้เข้ามาเยี่ยมชม อีกทั้ง ยังเป็นแหล่งให้ความรู้เรื่องนี้ด้วย
บล็อกนี้ จะ มีทั้งภาษาไทย และ ภาษาอังกฤษ ควบคู่ กัน โดย ผมจะทำการแปล เป็นภาษาอังกฤษ ให้หลัง จากที่ได้ลงภาษาไทย เสร็จสิ้น แล้ว คับ

ต่อไปนี้ก็ขอให้ท่านผู้ชม ได้ เข้าร่วม ใน บล็อก ซึ่ง มีสัตว์ประหลาด ที่น่ากลัว จากทุกๆชาติ นะคับ
eXTReMe Tracker